วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มีเค้กมาอวดอีกแล้ว

วันนี้เอาภาพไปอย่างเดียวเนอะ ไว้เป็นไอเดียแต่งหน้าเค้ก พอดีได้ออเดอร์ลูกค้าเพิ่งมารับไปสด ๆร้อน ๆเลยค่า...









วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ขนมปังไส้เนื้อสับ




เมื่อวานวันพฤหัส น้องชายของแฟนเค้าจัดงานขึ้นบ้านใหม่ ก็คิดอะไรไม่ออก เบื่อทำของหวานน่ะค่ะ ก็เลยทำขนมปังไส้เนื้อ ไว้ทานเป็นของว่างทานกับน้ำชา กาแฟ
วิธีทำไส้เนื้อ
ชี้แจงนิดนึงว่า เป็นสูตรเฉพาะตัวนะค่ะแบบธรรมดา ๆ ทำง่ายและอร่อยดีด้วย ไม่ได้บอกปริมาณนะค่ะ เพราะว่า อยู่ที่ว่าต้องการทำมากทำน้อย ส่วนตัวก็ไม่ได้กะเหมือนกัน ไส้เหลือ ก็นำมาทานกับข้าวได้กำไรไปอีกอย่าง
เนื้อบด
กระเทียม ดิฉันชอบใส่เยอะค่ะ คือถ้าบดแล้วจะได้ซักหนึ่งช้อนโต๊ะกับอีกนิดหน่อย
ขิงสับละเอียด ครึ่งช้อนโต๊ะโดยประมาณ
พริกชี้ฟ้าแดง แล้วแต่ว่าชอบเผ็ดมากเผ็ดน้อย
น้ำปลา หรือ เกลือ ชอบรสเค็มก็ไส่มากหน่อย
พริกไทยดำป่น ซักครึ่งช้อนชา
ผักชี ซักหนึ่งช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมตัวแป้ง
นม 170 ml
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำตาล 65 กรัม
เกลือ 1/4 ช้อนชา
แป้งขนมปัง 330 กรัม กับอีกนิดหน่อยไว้สำหรับเป็นแป้งนวล
เนยสดนิ่ม 75
วิธีทำ
1. ผสมยีสต์ น้ำตาล เข้าด้วยกัน
2. อุ่นนมในไม่โครเวฟ หรือตั้งไฟ ไม่ถึงกับร้อนนะค่ะ พออุ่น ๆเพื่อให้ยีสต์ทำปฏิกริยาได้ดีขึ้น แล้วเทลงในส่วนผสมของยีสต์กับน้ำตาล
3. เติมไข่ไก่ลงไปแล้วตีพอเข้ากัน
4. ผสมแป้งกับเกลือเข้าด้วยกัน
5. นำส่วนผสมของเหลงเทลงในแป้ง แล้วนวดให้เข้ากันจนจับตัวเป็นก้อนแล้วแป้งซักน้ำทั่ว
6. นวดไปซักพักแล้วเติมเนยสด แล้วนวดไปเรื่อย ๆจนแป้งยึดหยุ่น ขั้นตอนนี้จะรู้สึกว่ามันแฉะ ให้เติมแป้งนวดทีละน้อย แล้วนวดอย่าใส่มากจนเกินไปนะค่ะจะทำให้แห้ง นวดจนยืดหยุ่นดีไม่ติดมือ
7. พักไว้จนขึ้นฟูเป็นสองเท่าตัว ดิฉันทิ้งไว้ค้างคืนเลยค่ะ เพราะอากาศที่นี่เย็น ใครใจร้อนก็ เปิดเตาอบพอร้อน แล้วปิดไฟ แล้วจึงนำแป้งไปพักไว้ข้างใน แป้งจะขึ้นเร็วค่ะ แต่อย่าให้ร้อนมากนะค่ะ เพราะก้อนแป้งจะแห้งกระด้าง
8. พอขึ้นเป็นสองเท่าตัวแล้วนำมา ต่อยให้แฟบนวดซักห้านาที แล้วแบ่งแป้งออกเป็นก้อน ๆนำมาใส่ไส้ ห่อเก็บให้มิด แล้วพักไว้ให้ขึ้นเป็นสองเท่าตัวอีกครั้ง
9. พอได้ที่ นำมาทาด้วยไข่ไก่ที่ผสมน้ำเล็กน้อย โรยหน้าด้วยงาดำหรือป๊อบปี้ซีด เพิ่มความสวยงาม แล้วอบที่อุณหภูมิ 190 องศา c จน สุกจะมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลทั่ว
ดูเหมือนจะงง ๆหน่อยแต่ทำไม่ยากค่ะ ลงดูเนอะ ดิฉันชอบนวดแป้งไว้ตอนกลางคืน เช้ามาก็อบได้ ได้ทานสด ๆเป็นอาหารเช้า อร๊อย อร่อย..

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มีไอเดียแต่งหน้าเค้กมาฝากค่า...




ไม่มีอะไรใหม่หรอกค่ะ เพียงแต่วันนี้ทำเค้กส่งร้านอาหารเพื่อน พอดีทางร้านมีลูกค้าสั่งอาหารเพื่อจัดเลี้ยงวันเกิด ก็เลยแถมเค้กฟรี เค้าสั่งเยอะน่ะค่ะ เป็นโปรโมชั่นช่วงนี้ ดิฉันก็ได้รับผลพลอยได้ไปด้วย
ก็เดิม ๆค่ะ เพราะไม่ต้องการให้ต้นทุนสูง มีอะไรอยู่ก็ใช้ตกแต่งเข้าไป
วันนี้นำภาพมาฝากเพื่อนๆ เผื่อเป็นไอเดียในการแต่งหน้าเค้ก
สูตรตัวเค้ก ก็เป็น วนิลาชิฟฟ่อน ใครอยากได้ตัวเค้กที่นิ่มกว่านี้ก็ลดแป้งลงนะคะ ให้เหลือซัก 1 ถ้วย เคยลดแป้งลงเหลือถ้วยเดียว เนื้อเค้กนุ่มมาก ๆ สูตรที่ให้ไว้นั้นจะได้เนื้อเค้กที่มีน้ำหนัก แต่ก็ไม่แข็งนะค่ะนุ่มดีเหมือนกัน จากนั้นก็ตกแต่งด้วยครีมสด กับส้มแล้วช็อกโกแลต ก็พยายามหาอะไรที่ไม่ต้องซื้อใหม่น่ะค่ะเพราะจะได้ลดต้นทุน ฮิๆ


ขนมปังซาลามี (salami bread)




พักหลัง ๆนี่ไม่ค่อยจะอัปเดทเรื่องอื่นซักเท่าไหร่เลยค่ะ มัวแต่บ้าทำอาหาร วันหลังจะนำสาระเรื่องอื่น ๆดี ๆมาฝากแล้วกันนะค่ะ ว่าแล้ววันนี้ก็ขอบ้าทำอาหารต่อ มีสูตรมาฝากอีกแล้วค่ะ สูตรขนมปังใส่ซาลามีไก่ ประมาณ ไก่ยอบ้านเราน่ะค่ะ แต่ว่ารสชาติเหมือนไส้กรอก ออกแรงกันหน่อยแล้วกัน เพราะต้องนวดนานหน่อยค่ะ อ้อ ! เกือบลืมโปรดอ่านปัญหาที่พบด้วยนะค่ะ เดี๋ยวปฏิบัติตามแล้วไม่ได้ผลดีห้ามว่ากันน้า.. ว่าแล้วก็มาดูสูตรกันเลย

ยีสต์ 7g
นม 170 ml
น้ำตาล 65g
เกลือ ¼ teaspoon
เนยจืด นิ่ม 75g
ไข่ (หนักประมาณ 50g)
1 แป้งขนมปัง 330g
ซาลามีหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
ไข่ไก่ ผสมกับน้ำ เล็กน้อย ไว้ทาหน้าขนมปัง

วิธีทำ
1. เตรียมพิมพ์แบบหลุม หรือพิมพ์คัพเค้ก
2. ผสมนมกับไข่ เข้าด้วยกัน
3. ผสมส่วนผสมแห้งทั้งหมด มี แป้ง, เกลือ, ยีสต์,น้ำตาล คลุกให้เข้ากันอย่างดี
4. เทส่วนผสมนำนมลงไปตรงกลางแป้ง แล้วนวดจนจับตัวเป็นก้อนซับน้ำทั่ว
5. จากนั้นใส่เนยลงไป แล้วนวดไปเรื่อย ๆ จนนวลและยืดหยุ่น ให้เชคด้วยการดึงแป้งยืดออกบนฝ่ามือ แล้วแป้งจะไม่ขาด หรือว่าให้กำแป้งนับหนึ่งถึงสิบค่ะ แป้งจะไม่ติดมือ ก็เป็นอันใช้ได้
6. ทิ้งไว้จนขึ้นเป็นสองเท่าตัว อาจจะนานขึ้นอยู่กับสภาพอากาศค่ะ ถ้าร้อนมากก็เร็วหน่อย
7. พอขึ้นฟูได้ที่ก็นำมาต่อย ตุ๊บตั๊บ ไล่ฟองอากาศ แล้วก็นวดต่ออีกซัก 5 นาที แล้วนำมาคลึงบนพื้นเรียบแผ่ให้เป็นแผ่น ไม่ต้องบางมากนะค่ะ พอจะหนา ๆหน่อยประมาณ ทาด้วยมายองเนส แล้วโรยด้วยซาลามีที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆเรียบร้อยแล้ว ให้ทั่ว แล้วม้วนค่ะ ม้วนให้เป็นแท่งยาว ๆ
8. จากนั้นนำมาตัดเป็นแว่น ๆหนาประมาณ นิ้วครึ่ง แล้ววางลงไปในพิมพ์
9. ทิ้งไว้อีกจนขึ้นอีกเท่าตัว
10. เปิดเตาอบ 190 c พอแป้งขึ้นได้ที่ ทาหน้าด้วยไข่ไก่ที่ผสมน้ำเล็กน้อย และจึงนำเข้าอบ อบจนเหลืองสวยค่ะ

แนะนำวิธีการนวดแป้งค่ะ
ใช้อุ้งมือดันแป้งไปด้านหน้า แล้วม้วนกลับ แล้วดันด้วยอุ้งมือไปข้างหน้า นวดแบบเดิมติดต่อกันเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ประมาณ 10-15 นาที

ปัญหาที่พบในการปฏิบัติตามสูตร
ครั้งที่ 1 ดิฉันลองทำตามสูตรเป๊ะ ปรากฎว่าหลังจากใส่เนยลงไปแล้วมันแฉะมาก ก็เลยนวดต่อไปเรื่อย ๆคิดว่าคงจะดีขึ้น ไม่ค่ะเฉะติดมือหนึบไปหมด จนต้องค่อย ๆเติมแป้งลงไปทีละน้อย ก็เป็นอันว่าใช้ได้ไม่ได้เติมมากนะค่ะ เติมเข้าไปทีละน้อยนวดแล้วเติมจนแป้งไม่ติดมือ ปัญหานี้อาจจะเกิดจากตราชั่งก็เป็นได้ค่ะ ผลลัทธ์คือ ขนมปังมีเนื้อดีใช้ได้เลยค่ะ คืออยู่ในระดับที่พอใจ

ครั้งที่ 2 คือได้ออกมาตามรูปภาพ
ดิฉันผสม นม ยีสต์ น้ำตาล แล้วคนจนยีสต์ละลายเข้ากับนมแล้วจึงเติมไข่ ทีนี้ดิฉันไม่ได้ชั่งแป้งแล้วค่ะ ค่อย ๆเติมแป้งเข้าไปจนพอจับตัวรวมกันเป็นก้อน แล้วก็เติมเนย แล้วนวดจนเนียน ครั้งนี้นวดนานหน่อย ปกติไม่ได้จับเวลาน่ะค่ะ แต่รู้สึกว่านวดจนเพลินจนยืดหยุ่นดีมาก ๆและเนียน ทีนี้ได้ขนมปังนิ่มและนุ่มเหนียวดีค่ะ พอใจมากกว่าครั้งแรก

ใครต้องการเปลี่ยนจากซาลามีเป็นไก่หยองเนื้อหยองแล้วราดหน้าด้วยมายองเนสหน่อยก็อร่อยดีค่ะ

ใช้ดัดแปลงทำขนมปังได้หลายอย่าง หรืออาจจะใส่ไส้กรอก ไส้ถั่วดำ ถั่วแดง เผือก หรืออะไรก็ได้ตามชอบ ทำเป็นขนมปังบันก็อร่อยดีค่ะ เพราะว่าจะออกหวาน ๆเล็กน้อย
ลองดูเนอะ..

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มันรังนก






ไปเดินหาซื้อของเข้าบ้าน ก็ไปเจอมันเทศ อยากทานขนมไข่นกกระทา ก็ซื้อมาตั้งใจจะทำ ถึงเวลาจริง ๆไปเห็นภาพขนมมันรังนกบนเน็ตเลย คิดว่าอืมมมม... อยากทานมั่ง เปลี่ยนใจกระทันหันเลยค่ะ ทำมันรังนกทานซะงั้น แถมยังมีติดไม้ติดมือไปฝากญาติด้วย

ใครอยากลองทำทานไม่ยากค่ะ ตามนี้เลย แต่จะบอกว่าสูตรนี้เป็นสูตรสำหรับคนไกลบ้าน วัตถุดิบส่วนผสมอาจจะไม่ตรงตามต้นตำรับซักเท่าไหร่แต่อร่อยใช้ได้เลยค่ะสูตรนี้ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่นำคะ เพราะว่าไม่ได้บอกส่วนผสมตายตัว แต่ใครสามารถก็ลองทำดูก็ได้นะไม่ยาก ส่วนตัวดิฉันก็ทำครั้งแรกเหมือนกันตามสูตร

ส่วนผสม
มันเทศจำนวนตามต้องการเลยค่ะ ดิฉันใช้ 2 หัวค่ะ
น้ำมันสำหรับทอดมัน
น้ำเชื่อม (Litgt Corn Syrub) ตอนใส่ไม่ได้นับด้วยว่าใส่ลงไปเท่าไหร่น่ะซิลองดูคำแนะนำในวิธีทำนะค่ะ
เกลือ หยิบมือ
เนย ซัก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเล็กน้อย
ต้องขออภัยด้วยค่ะที่ไม่ได้มีส่วนผสมที่ตายตัว เพราะว่าดิฉันส่วนมากจะทำขนมแบบกะ ๆเอา แต่จะมีคำแนะนำในวิธีทำอ่านต่อนะ
วิธีทำ
1. นำมันเทศมาขูดเป็นเส้นยาว ๆ
2. นำไปทอดในน้ำมันค่อนข้างเยอะนะค่ะ ทอดจนเหลืองสวย นำมาพักไว้จนสะเด็ดน้ำมัน
3. จากนั้นมาทำส่วนของน้ำตาลที่จะคลุกกับมัน ก่อนอึ่นต้องดูว่าเราใช้มันเยอะแค่ไหน น้ำเชื่อมที่จะนำมาคลุก ต้องกะพอที่จะคลุกขนมทั่ว ไม่มากไม่น้อยเกินไป อย่าให้ช่ำเกินไปเพราะเวลาแห้งมันจะแข็งและทำให้หวานมากเกินไป กะปริมาณพอจะคลุกขนมได้ทั่วๆ น่ะค่ะไม่ต้องถึงขนาดชุ่ม เอาพอมีน้ำตาลติดทั่วๆมันที่ทอดแล้วน่ะค่ะ
4. เติมน้ำเล็กน้อย น้ำเชื่อม และเกลือ คนให้เข้ากัน ตั้งไฟจนสีน้ำเชื่อมเข้มขึ้นเล็กน้อย จะเดือดเป็นฟองฟ๊อด แล้วใส่เนยซักประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ดิฉินชอบเพราะทำให้มีกลิ่นหอม ตังไฟจน ลักษณะของน้ำเชื่อมที่จะคลุกจะเริ่มหนึดๆแต่ไม่ถึงกับเหนียว ต้องระวังหน่อยนะค่ะ เพราะว่า เวลาที่เราคลุกแล้วพอเย็นมันจะแข็งขึ้นอีก แล้วนำมันที่ทอดแล้วลงไปคลุกเร็ว ๆให้ทั่ว แล้วยกลง
5. ยกลงจากเตาแล้วแบ่งเป็นคำ ๆลักษณะคล้ายรังนก ทิ้งไว้จนเย็น จะแข็งจับตัวกัน
ข้อแนะนำ
1. ถ้าใครมีน้ำตาลปี๊บก็ควรใช้น้ำตาลปี๊บค่ะ เพราะว่าเวลาใช้ไซรับเนี่ย ความเห็นส่วนตัวคือมันจะเหนียวเวลาทานติดฟันเหมือนทานทอฟฟี่
2. สูตรที่ให้จะได้รสคาราเมลบัตเตอร์ค่ะ
3. ให้สูตรไว้เป็นไอเดียค่ะ สำหรับคนที่เคยทำแล้วจะพอกะถูก แต่สำหรับมือใหม่ แนะนำให้ลองหาสูตรที่บอก4. ส่วนผสมตายตัวแล้วจะง่ายกว่าค่ะ
ใครที่ชอบให้มีกลิ่นก็เติมกลิ่นสตอเบอรี่ ช็อกโกแลต กล้วยหอม หรืออะไรก็ได้ตามชอบเลยค่ะ

ขนมอาลัว





นอนไม่หลับอ่ะค่ะ ตื่นปุ๊บเปิดเน็ตปั๊บ ว่าแล้วก็คิดถึงบล็อกไม่ได้อัปเดทหลายวัน วันนี้เลยนำสูตรขนมอาลัวที่ดองไว้มานานว่าจะนำมาลงหลายครั้งก็ลืมทุกที ใครสนใจทำตามนี้เลยค่ะ ได้สูตรนี้จากอินเตอร์เน็ต จำไม่ได้ค่ะว่าของใคร ยังไงขอบคุณท่านอาจารย์ผู้สอนด้วยแล้วกันนะค่ะ ทำตามสูตรนี้ออกมาได้ภาพข้างบนนี้เลยจ้า

ว่าแล้วก็มาดูสูตรกัน
ส่วนผสม
แป้งสาลี 10 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1, 1/4 ถ้วย
หัวกะทิ 1 1/4 ถ้วย
สีทำขนมตามชอบเลยค่ะ

วิธีทำ
1.ผสมแป้ง น้ำตาลทรายและหัวกะทิ คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย ตามสูตรบอกให้กรองด้วยผ้าขาวบาง แต่ว่า ไม่มีผ้าขาวบางนะค่ะ เลยไม่ได้กรอง
2.ยกส่วนผสมขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน กวนไปเรื่อยๆ อย่าหยุด กวนจนแป้งสุก จะมีลักษณะใสไม่ขุ่น จากนั้นก็แบ่งแป้งเป็นส่วนๆ และใส่สีตามชอบ ใส่สีให้เข้มๆนิดนึงค่ะ ก็ได้ค่ะ เวลาโดนแดดแล้วสีขนมจะอ่อนลง
3. พักแป้งที่กวนสุกแล้วให้อุ่นๆ แล้วรองถาดด้วยใบตอง หรืออะไรก็ได้ค่ะที่ไม่ให้ขนมติด ส่วนตัวพลาดไปใช้กระดาษรองเค้ก ติดหนึบเลยแกยากมากเวลาอบเสร็จ จากนั้นหยอดลงบนถาด ที่แต่งหน้าเค้กหยอดเป็นอันเล็กๆ พอเสร็จ ตามสูตรบอกให้นำไปตากแดด ที่นี่ไม่มีแดดเท่าไหร่ค่ะ อยู่ไกลบ้าน เลยนำไปอบ ไปอ่อนๆ บอกไม่ถูกอ่ะค่ะ เพราะว่าจอมมั่วนิ่มเหมือนกัน ตามสูตรเค้าบอกให้อบไฟอ่อน ๆไม่บอกว่ากี่องศา ก็เลยมั่วไปเรื่อย อบ 60 องศาเซลเซียสบ้าง เดี๋ยว ๆก็ปรับเป็น 100 แล้วก็ปรับลดปรับเพิ่มอยู่อย่างเนี่ยน่ะค่ะ จนขนมแห้งข้างนอก แต่ข้างในนุ่ม ก็เปิดเตาเชคอยู่เรื่อยเหมือนกันค่ะ พอผิวขนมเริ่มกรอบก็นำออกมาผึ่งข้างนอกซักพัก ก็จะเป็นอย่างภาพที่เห็นหล่ะค่ะ
ปัญหาที่พบใครจะทำตามต้องระวังหน่อยนะค่ะ
1. เวลาหยอดยากเหมือนกัน คืออาจจะเป็นปกติ แต่ว่านี่ทำครั้งแรกก็เลยรู้สึกว่ายากน่ะค่ะเพราะแป้งมันหนึด
2. ตามสูตรเค้าบอกว่าให้รองด้วยใบตองไม่มีใบตองก็เลยนำกระดาษไขที่อบเค้กไปรอง ติดหนึบเลยแกะยากมากๆ บางทีก็ติดกระดาษออกมาด้วย จะเห็นว่าในภาพที่ก้นขนมไม่เรียบเพราะตอนแซะนั่นแหละค่ะอย่างที่บอกว่ามันติด ทีนี้ใครจะทำต้องระวังหน่อยนะค่ะ ยังไม่ลองหาวิธีอื่นที่จะไม่ให้ติดก้น เดี๋ยวคราวหน้าถ้าทำจะลองใช้แผ่น เบคกิ้งชีท เป็นแผ่นไฟเบอร์ไว้รองทอดหรืออบน่ะค่ะ ทำให้ขนมหรืออาหารไม่ติดพื้น ได้ผลยังไงจะมาบอกให้นะค่ะ